ผลวิจัยเผย ควรทิ้ง หมอน ที่ใช้มานาน เพราะเป็นสาเหตุของภูมิแพ้

 ที่นอนถือเป็นอีกสิ่งสำคัญ ที่ไม่ควรมองข้าม เนื่องจากมีผลต่อการพักผ่อน รวมไปถึงเรื่องของสุขภาพ ซึ่งหากมีการเลือกที่ไม่เหมาะสม อาจทำให้มีอาการปวดเมื่อย อีกทั้งการนอนหลับพักผ่อนที่ไม่สบาย วันนี้เราจึงมีวิธีการเลือกที่นอนให้เหมาะสมกับการใช้งานและการพักผ่อนมาฝากกัน

1. ขนาดที่นอน

ขนาดที่นอน

สำหรับขนาดที่นอนนั้นควรเลือกให้เหมาะกับจำนวนผู้ใช้งาน เพื่อไม่ให้รู้สึกอึดอัดขณะนอนพักผ่อน อีกทั้งยังช่วยให้หลับสบายมากยิ่งขึ้นอีกด้วย ซึ่งหลักๆ แล้วที่นอนจะมีให้เลือก  3 ขนาดด้วยกันคือ

– King Size หรือ ที่นอน 6 ฟุต มีขนาดประมาณกว้าง 180 ซม. ยาว 195 ซม. (กว้าง 6 ฟุต ยาว 6.5 ฟุต ) ถือเป็นที่นอนที่มีขนาดใหญ่ สามารถนอนได้ 2 คน แต่หากตัวไม่ใหญ่มากนัก ก็นอนได้ 2-3 คน กันเลยทีเดียว โดยที่นอน King Size นี้ จะเหมาะสำหรับห้องนอนที่มีขนาดใหญ่

– Queen Size หรือที่นอน 5 ฟุต มีขนาดประมาณ กว้าง 150 ซม. ยาว 195 ซม.  (กว้าง 5 ฟุต ยาว 6.5 ฟุต ) ซึ่งมีขนาดเล็กกว่าที่นอน 6 ฟุตเพียงเล็กน้อย  สามารถนอนได้ถึง 2 คน เหมาะสำหรับพื้นที่ ที่มีขนาดย่อมลงมา หรือ ต้องการประหยัดพื้นที่การใช้งานภายในห้อง

– Twin Size หรือ ที่นอน 3.5 ฟุต มีขนาดกว้าง 105 ซม.  ยาว 195 ซม.   (กว้าง 3.5  ฟุต ยาว 6.5 ฟุต )  ถือเป็นที่นอนที่มีขนาดเล็ก เหมาะสำหรับการนอนคนเดียว โดยส่วนใหญ่มักนิยมใช้กับห้องนอนเด็ก ซึ่งขนาดของห้องจะมีพื้นที่ ที่ไม่ใหญ่มากนัก

2. ความแข็งและการยุบตัวของที่นอน

มาต่อกันที่ความแข็งและการยุบตัวของที่นอน ถือเป็นปัจจัยหลักๆ ที่ส่งผลต่อการพักผ่อน  โดยการเลือกนั้นควรเลือกให้เหมาะสมและพอดีไม่แข็งหรือยุบตัวจนเกินไป เพราะอาจส่งผลให้มีอาการปวดเมื่อยต่างๆ ได้ อาทิ

ความแข็งและการยุบตัวของที่นอน
ความแข็งและการยุบตัวของที่นอน

Source by picclick

– ที่นอนที่แข็งมากจนเกินไป ด้วยความที่ไม่มีการยืดหยุ่น  อ่อนนุ่ม  จึงทำให้ที่นอนไม่โค้งเว้ารับกับสรีระของร่างกาย   ซึ่งอาจส่งผลในเรื่องของอาการชา ที่ไหล่ แขนและขา เนื่องจากมีแรงกดทับเส้นเลือกฝอยจากที่นอน  รวมไปถึงอาการปวดต่างๆ ที่บริเวณคอและไหล่อีกด้วย

– ที่นอนที่ยุบตัวมากจนเกินไป จนเกิดเป็นแอ่ง เพราะเรามักจะนอนอยู่ที่บริเวณเดิมๆ จึงทำให้เกิดเป็นแอ่งได้ง่าย ซึ่งอาจส่งผลทำให้เกิดอาการกดทับบริเวณหมอนรองกระดูกได้ รวมไปถืออาการกระดูกสันหลังคด

Tip!  หากที่นอนบ้านเพื่อนๆ แข็งหรือมีการยุบตัวมากจนเกิดเป็นแอ่ง แนะนำให้นำที่นอนยางพารามารองไว้บนที่นอนเดิม โดยเลือกความหนาที่เหมาะสม  อาทิ ที่นอนแข็งควรใช้ความหนาประมาณ 2 นิ้ว  ส่วน ที่นอนที่เกิดแอ่งควรใช้ความหนาประมาณ 6-8 นิ้ว เป็นต้น  เพื่อช่วยลดอาการต่างๆ เนื่องจากที่นอนยางพารามีความยืดหยุ่นสูง ซึ่งจะช่วยลดอาการปวดต่างๆ ได้เป็นอย่างดี

3. ประเภทที่นอน

ประเภทที่นอน

อีกหนึ่งสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามสำหรับประเภทของที่นอน ซึ่งปัจจุบันได้มีให้เลือกกันอย่างหลากหลาย โดยแต่ละประเภทนั้นก็มีคุณสมบัติที่แตกต่างกันออกไป โดยหลักๆ แล้วจะมี 4 ประเภทด้วยกัน คือ

ประเภทที่นอน

Source by staceynaitoblog

– ที่นอนสปริง ถือเป็นที่นอนที่ได้รับความนิยมค่อนข้างมาก เพราะมีความยืนหยุ่น คืนตัวได้ดี  รวมไปถึงการยุบตัวของที่นอนที่เข้ากับสรีระของร่างกาย ซึ่งเหมาะสำหรับเพื่อนๆ ที่ชอบนอนตะแคง ด้วยการยุบตัวที่ดีของที่นอน จึงไม่ทำให้เกิดการกดทับ และ ช่วยลดอาการปวดเมื่อยต่างๆ

แต่ทั้งนี้ควรดูในเรื่องของคุณภาพของที่นอนด้วยเช่นกัน  เพราะส่วนใหญ่มักเจอปัญหาที่นอนยุบตัวเป็นแอ่ง ซึ่งอาจก่อให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดีค่ะ

– ที่นอนฟองน้ำ ถือเป็นที่นอนที่มีความนุ่มมากๆ แต่ไม่มีความยืดหยุ่นหรือคืนตัวเหมือนที่นอนสปริง ซึ่งไม่เหมาะกับผู้ที่มีอาการปวดหลัง เพราะที่นอนไม่มีความยืดหยุ่นที่จะรองรับสรีระของร่างกายได้ อีกทั้งยังมีอายุการใช้งานที่น้อยอีกด้วย

– ที่นอนยางพารา ถือเป็นที่นอนที่ได้รับความนิยมกันมากในปัจจุบัน เพราะมีความยืดหยุ่นสูง ไม่มีการแอ่นของที่นอน ซึ่งช่วยลดอาการปวดเมื่อยต่างๆ ได้ดี อาทิ อาการปวดหลัง เป็นต้น อีกทั้งยังไม่กักเก็บฝุ่นและความชื้นต่างๆ อีกด้วย แต่มีราคาค่อนข้างสูงกว่าที่นอนประเภทอื่นๆ

– ที่นอนใยมะพร้าว ถือเป็นที่นอนที่มีความอัดแน่นค่อนข้างสูง จึงทำให้ที่นอนนั้นแข็ง ไม่ยุบตัว   ก่อให้เกิดอาการปวดเมื่อยต่างๆ ได้ง่าย อีกทั้งเมื่อเสื่อมสภาพ จะก่อให้เกิดฝุ่น  ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อระบบทางเดินหายใจได้อีกด้วย ซึ่งปัจจุบันไม่ค่อยนิยมใช้ เมื่อเทียบกับที่นอนประเภทอื่นๆ   infinitydesign.in.th

สนใจสินค้า สอบถามรายละเอียดและราคา ฟรี! โทร  061-4466265

ที่มา และรูป:http://www.infinitydesign.in.th 

________________________________________________________________